Android O : อัพเดททุกสิ่งที่เกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ และความเปลี่ยนแปลง

วันนี้เราได้อ่านบทความเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการตัวใหม่ล่าสุดของ Google จากสื่อต่างประเทศโดยนักเขียนที่ชื่อ Kris Carlon Senior Editor ของเว็บ Androidauthority  ซุึ่งได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับการพรีวิวเจ้า Android O ท้งหมดเอาไว้ เราจึงขอนำมาอัพเดทให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน

Android O

สำหรับ Timeline การปล่อยอัพเดทระบบปฏิบัติการตัวใหม่นี้ Google  ก็ยังคงทำเช่นเดียวกับปีที่ผ่านๆมา แต่ทว่า …. ปีนี้ Google ได้ปล่อย first preview สำหรับ Android เวอร์ชัน Developer ออกมาเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมาซึ่งช้ากว่ากำหนดเวลาปกติที่ผ่านๆมา

Advertisements

สำหรับกำหนดการเปิดตัวแอนดรอย์เวอร์ชั่นใหม่นี้ ทาง Google ก็ได้แชร์ไทม์ไลน์สำหรับการเปิดตัวของแต่ละ Preview Build โดยครั้งที่สองนี้คาดว่าจะปล่อยออกมาในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมซึ่งน่าจะเป็นช่วงเดียวกับงาน Google I / O และครั้งที่ 3 ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน และครั้งสี 4 ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ซึ่งสำหรับแอนดรอย์ โอ Developer Preview นั้นจะเปิดให้ติดตั้งเฉพาะอุปกรณ์ของ Google ได้แก่ Google Pixel, Google Pixel XL, Google Pixel C, Nexus 6P, Nexus 5X, และ Nexus Player

  • การแจ้งเตือนแบบใหม่ notifications shade

และเมื่อลากแถบการแจ้งเตือนแบบใหม่นี้ลงมา อยากแรกเลยคือจะเห็นว่าหน้าตาของแถบการแจ้งเตือนมีความเปลี่ยนไป มีแถบ toggles ถึง 6 แถบด้วยกันที่ด้านบนของหน้าต่างการแจ้งเตือนทำให้เห็นการแจ้งเตือนได้เยอะขึ้น  ส่วนฟีเจอร์แถบการแจ้งเตือน รูปแบบใหม่บน แอนดรอย์ โอ นั้นจะสามารถจัดกลุ่มให้อยู่หมวดเดียวกันได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ด้วยว่าจะให้แอปพลิเคชันใดแสดงการแจ้งเตือนบ้าง หรือจะตั้งค่าความสำคัญให้แอปพลิเคชันบางตัวแสดงการแจ้งเตือนไว้ด้านบนสุดตลอดก็สามารถทำได้เช่นกัน และนอกจากนี้ตั้งแต่ Nougat ขึ้นไปก็จะใช้รูปแบบอักษรเป็นตัวย่อแบบใหม่อีกด้วย

  •  Adaptive Icons

ไอคอนแอปพลิเคชันแบบใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับรูปลักษณ์ของไอคอนแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่องได้

  • Background Limits

ฟีเจอร์ Background Limits จะเป็นการตรวจสอบการทำงานของแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานแบบ Background App โดยระบบจะประมวลผลโดยอัตโนมัติว่าแอปพลิเคชันใดควรหยุดการทำงานเมื่อถึงระยะเวลา หรือควรมีการทำงานต่อในฟังก์ชันใดบ้าง

  • Autofill APIs

สำหรับจะช่วยในการใส่ข้อมูลที่มีความจำเป็นในการล็อกอิน หรือตั้งค่าต่างๆ เช่น Username หรือ Password ให้สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งการใส่ข้อมูลที่มีความสำคัญเช่นนี้ ตัวผู้ใช้อาจมีการใส่ข้อมูลผิดพลาด และต้องเสียเวลาใส่ข้อมูลจนครบทุกช่องแต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างหากทำเครื่องหายอันนี้ก็อันตรายพอสมควร

  • Picture-in-Picture Display

ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้รับชมวิดีโอในขณะใช้งานแอปพลิเคชันอื่นๆอยู่นั้น สามารถรับชมวิดีโอได้ตลอดเวลาโดยคลิปวิดีโอดังกล่าวจะถูกย่อขนาด และลอยอยู่บนหน้าจอ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับชมภาพยนตร์ หรือคลิปวิดีโอต่างๆ ได้แบบไม่ขาดตอน

  •  Wide-Gamut Color support

ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับรูปภาพ สามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์หน้าจอ Wide-Gamut ที่มีในสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ ได้ ซึ่งหน้าจอ Wide-Gamut จะสามารถแสดงผลสีได้สูงถึงระดับพันล้านเฉดสี และแสดงเฉดสีให้ละเอียดมากขึ้น

  • รองรับการเชื่อมต่อเสียงผ่าน Bluetooth ในรูปแบบ High-Quality Codecs

สำหรับฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อก็มีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเช่นกัน คือ การรองรับระบบเสียง High Quality Codec ผ่านการเชื่อมต่อทาง Bluetooth แบบเดียวกับ LDAC ของ Sony และฟีเจอร์ Wi-Fi Alliance ที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลกับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต รวมถึงสามารถใช้บอกพิกัดของสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นๆ ได้ด้วย

สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่อยากทดลองใช้งาน Android เวอร์ชันล่าสุด สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิงก์นี้เลย >> Download แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าแอนดรอย์โอ เวอร์ชั่น Developers Preview นี้ยังมีบั๊กและไม่เสถียร หากใครอยากจะใช้งานจริงๆ ก็ขอให้สำรองข้อมูลต่างๆ ไว้ก่อนก็ดีค่ะ

 

ที่มา Androidauthority , Androidcentral  , Thaimobilecenter

Leave a Reply