มาดู 8 ฟีเจอร์ที่สื่อนอกลงความเห็นว่าจะมีใน GalaxyS8 และ GalaxyS8+ กัน!

อย่างที่ทราบกันดีว่าใกล้จะถึงวันงานเปิดตัวของซัมซุง GalaxyS8 และ GalaxyS8+ ซึ่งก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามสัปดาห์แล้วนับจากนี้ แต่ดูเหมือนว่าเราจะรู้ข้อมูลเครื่องแทบจะหมดเปลือกแล้วก็ว่าได้ เพราะพี่แกเล่นมีข่าวหลุดออกมาไม่เว้นแต่ละวันทำให้หมดความตื่นเต้นลงไปมากสำหรับงานเปิดตัวในครั้งนี้ ก็ได้แต่หวังว่าวันงานทางซัมซุงจะมีไม้เด็ดเอามาเซอร์ไพร์บรรดาแฟนๆบ้าง

GalaxyS8 & GalaxyS8+ Features

หลังจากที่เราได้ติดตามและรวบรวมข้อมูลของข่าวลือจากหลายๆสื่อที่ได้ออกมาให้ข่าว เราก็สรุปสิ่งที่สำคัญๆ ทั้งหมดที่คาดว่าจะเป็นสิ่งที่ทางซัมซุงใส่มาให้เราได้ใช้กันทั้งใน S8 และ S8 Plus ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีฟีเจอร์อะไรบ้าง ไปชมกันเล้ยยยยย!

Advertisements

1.ดีไซน์ใหม่ และขอบจอที่บางลง

GalaxyS8

ในรุ่นใหม่นี้ อย่างแรกเลยที่คาดว่าน่าจะมีเลยก็คือ หน้าตาการออกแบบดีไซน์ที่เปลี่ยนไป และขอบจอที่เล็กลงทำให้พื้นที่ในการแสดงเนื้อหาหน้าจอนั้นกว้างขึ้น ปุ่มโฮมหายไปเหลือไว้เพียงขอบบางๆด้านบนและล่าง หน้าจอแสดงผลของกาแลคซี่ S8 ดูเหมือนจะมีอัตราส่วนพื้นที่ระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่องมากกว่า G6 ถึงแม้ว่าทั้งสองรุ่นนั้นจะมีจอแสดงผลขนาดเดียวกัน ส่วนเรื่องขนาดของตัวเครื่องคาดว่ากาแลคซี่ S8 จะมีขาดตัวเครื่องอยู่ที่ 148.9 x 68 x 8 มม. และ  S8 Plus จะมีขนาด 159 x 74 x 8 มม.

2.หน้าจอความละเอียดสูงที่มีอัตราส่วนภาพ 2: 1

ถัดมาในส่วนขอหน้าจอทั้งสองรุ่นนี้จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.8 และ 6.2 นิ้ว แต่ด้วยความที่เป็นจอโค้งขนาดจะถูกลดขนาดไป 0.1 นิ้วตามลำดับ มีความละเอียดหน้าจอ 1,400 x 2,960 พิกเซล และมีอัตราส่วนกว้างxยาวประมาณ 18.5 : 9 ซึ่งน้อยกว่าอัตราส่วนภาพขนาด 18 : 9 ของ G6 เล็กน้อย และนอกจากนี้การแสดงผลหน้าจอจะรองรับ HDR10 และสอดคล้องกับช่วงสีของ DCI-P3 ซึ่งคล้ายคลึงกับโน้ต 7 นั่นเองค่ะ

3.ปุ่มสแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง

ปกติเรามักจะคุ้นเคยกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ภายใต้ปุ่มโฮมที่เคยมีมา แต่ใน  S8 และ S8+ นี้มีการคาดว่าจะได้รับการปรับเปลี่ยนการดีไซน์ใหม่ โดยตัดปุ่มโฮมออกไป พร้อมย้ายเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไปไว้ที่ด้านหลังของตัวเครื่องแทนเพื่อให้หน้าจอมีขนาดที่กว้างขึ้นนั่นเอง

4.Bixby ระบบเลขาส่วนตัว หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ

ตอนนี้ Samsung เตรียมพร้อมเต็มที่กับการพัฒนาระบบเลขาส่วนตัว หรือผู้ช่วยอัจฉริยะบนกาแลคซี่ S8 ล่าสุดได้ทำการจดทะเบียนทางการค้าชื่อ Bixby และ Kestra ในเกาหลีใต้ และยุโรป คาดว่าความแตกต่างระหว่าง 2 ชื่อนี้คือเพศของเลขาอัจฉริยะนั่นเองแม้ว่าโดยปกติแล้วการจดทะเบียนทางการค้าไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าจะต้องมีผลิตภัณฑ์ชื่อนั้นๆ ออกมาจริงๆ แต่เมื่อพิจารณาดีๆ การจดทะเบียนชื่อ Bixby และ Kestra นั้นก็สอดคล้องกับข่าวลือก่อนหน้าที่ว่า Samsung จะทำเลขาอัจฉริยะชื่อนี้จริงๆ

5.USB Type-C port

สำหรับ S8 และ S8+ ถือเป็นรุ่นระดับไฮเอ็นฉะนั้นในส่วนของพอร์ตการใช้งานก็แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องมาพร้อมพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 3.1 โดยรุ่นแรกที่เปลี่ยนมาใช้คือ Galaxy Note7 และน่าจะรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายด้วย (Fast Wireless Charging)

6. มีประสิทธิภาพระดับ High Performance

 

เอาจริงๆมันก็คือเรื่องปกติที่เมื่อเวลามีรุ่นใหม่ออกมาก็จะต้องมีประสิทธิภาพที่สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอยู่แล้ว ซึ่งสองรุ่นนี้ก็เช่นกัน โดยสเปคที่คาดว่าจะมาพร้อมกับกาแลคซี่ s8 และ s8+ นั่นก็คือ ชิปเซ็ต Snapdragon 835 (รุ่นใหม่ล่าสุดในตอนนี้) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.2 GHz และชิปเซ็ต Exynos 8895 ที่มีความเร็ว 2.5 GHzพร้อมหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB  แต่ … ทั้งนี้ก็อาจจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทางซัมซุงที่จะเลือกสเปคในการวางจำหน่ายในแต่ละประเทศเหมือนหรือแตกต่างกัน อันนี้ต้องรอดู

7.มีระบบสแกนใบหน้าและสแกนม่านตา

ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ The Korean Economic Daily ที่ได้ออกมาให้ข่าวโดยมีเนื้อหาระบุว่า ทาง Samsung กำลังจะเพิ่มฟีเจอร์การจดจำใบหน้าพร้อมกับฟีเจอร์การสแกนม่านตา เพื่อเพิ่มความสเถียรในการรักษาความปลอดภัย และความเร็วในการตรวจสอบข้อมูลไบโอเมตริกซ์ และสาเหตุที่ซัมซุงลุกขึ้นมาทำเรื่องนี้ ก็เนื่องมาจากการที่แอปเปิ้ลออกมาบอกกับสื่อว่าใน Iphone 8 รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวช่วงสิ้นปีนั้นจะมีระบบสแกนม่านตามาให้  ซัมซุงเลยตัดสินใจที่จะเพิ่มฟีเจอร์การจดจำใบหน้าเข้าไปอีกด้วย เพราะ เค้าทราบว่าการสแกนม่านตานั้นมีข้อจำกัด และอาจทำให้ผู้ใช้เสียเวลาในการปลดล็อคเครื่อง และก็อาจจะไม่ปลื้มเอาได้ และถ้าหากมีการเพิ่มฟีเจอร์การจดจำใบหน้าในการปลดล็อคเครื่องเข้าไปด้วย ผู้ใช้ก็จะสามารถปลดล็อคได้เร็วสุดภายในเวลา 0.01 วินาทีเท่านั้น

8. ราคาจำหน่ายที่สูงขึ้น

เนื่องจากทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าราคาเปิดตัว อาจจะแพงกว่ารุ่นก่อนอยู่ไม่น้อย ซึ่งราคาที่ประเมินกันไว้ตามข่าวลือราคาเริ่มต้นก็น่าจะสูงถึงราว 799 ปอนด์ หรืประมาณสามหมื่นกว่าบาท แต่อย่างไรก็ดีรอฟังจากเจ้าตัวเค้าประกาศอีกที ในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งาน Galaxy Unpacked ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 29 มีนาคมนี้ จะจริงทั้งหมดหรือไม่ มารอดูกัน

 

ที่มา : PhoneArena

Leave a Reply