Samsung Galaxy Watch eSIM สมาร์ทวอชรุ่นใหม่ล่าสุดที่ยังคงดีไซน์เดิม ปรับปรุงคือมี eSIM ในตัว สามารถลงทะเบียนกับผู้ให้บริการเครือข่ายพร้อมใช้งานโทรศัพท์ได้ทันทีโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ส่วนจะมีอะไรแตกต่างจากรุ่นก่อนยังไง เรามาดูกันเลยครับ
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04746-800x451.jpg)
Samsung Galaxy Watch eSIM คืออะไร
ขึ้นชื่อว่า eSIM หลายๆ ท่านอาจจะยังไม่รู้จักกับคำนี้ ขออธิบายง่ายๆ เลยว่า eSIM ย่อมาจาก Embed SIM คือการฝังซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือไว้ในแผงวงจร จึงไม่ต้องหาซิมการ์ดมาใส่เข้าใส่ออก ซึ่งการที่จะใช้งาน eSIM ต้องลงทะเบียนกับผู้ให้บริการรายนั้นๆ ก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ และในอนาคตสมาร์ทโฟนที่เราใช้อยู่อาจจะฝัง eSIM เข้ามาเลย ไม่ต้องถอดเปลี่ยนซิมการ์ดให้วุ่นวายอีกต่อไป
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04818-800x451.jpg)
สำหรับ Samsung Galaxy Watch eSIM รุ่นใหม่นี้ก็ฝัง eSIM เข้ามาในเครื่องเรียบร้อย ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่ที่มีอยู่น้อยนิดอยู่แล้วให้ใส่อย่างอื่นได้เพิ่มเติมอย่างเช่นแบตเตอรี่ เป็นต้น ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายมือถือได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องผ่านสมาร์ทโฟนอีกต่อไป ส่วนการทำงานนั้นเดี๋ยวเราจะมาอธิบายให้ฟังว่ามันทำงานอย่างไร
ลงทะเบียนเครือข่ายด้วยแอพฯ Galaxy Wearable ใช้งานได้ทันที
จากที่เคยได้ยินมาว่าสมาร์ทวอชแบรนด์อื่นที่มี eSIM ในตัวจะต้องนำเครื่องไปที่ศูนย์บริการเพื่อลงทะเบียนก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ ดูแล้วยุ่งยากพอสมควร ต้องเสียเวลาไปศูนย์อีก แต่สำหรับรุ่นนี้แล้วพบว่าสะดวกสบายมากๆ จากการใช้งานเมื่อทีมงานได้สมาร์ทวอชรุ่นนี้มาเรียบร้อยแล้วก็ยังงงๆ อยู่ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แต่ก็ลองเปิดเครื่องใช้งานเพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S10+ เหมือนที่เคยทำกับรุ่นอื่น โดยทำการเชื่อมต่อกับแอพฯ Galaxy Wearable เหมือนกับอุปกรณ์ทั่วไป
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC06092-800x451.jpg)
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/noname1-1-800x545.png)
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/noname2-1-800x547.png)
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/noname3-800x548.png)
เมื่อเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว แอพฯ จะเข้าสู่หน้าการผูก eSIM เข้ากับระบบ โดยการเลือกหมายเลขที่จะใช้งานร่วมกับสมาร์ทวอช จากนั้นจะเข้าสู่หน้าเพจของผู้ให้บริการ โดยผู้ใช้เลือกหมายเลขของ dtac ในหน้านี้จะต้องใส่ข้อมูลเลขบัตรประชาชนเพื่อเช็คกับระบบฐานข้อมูลว่าตรงกับหมายเลขที่ใช้หรือไม่ จากนั้นจะเข้าสู่หน้าโปรโมชั่น และเงื่อนไขของผู้ให้บริการ แล้วกดสมัคร แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว รอไม่ถึง 5 นาทีก็ใช้งานได้ทันที สะดวกสบายมากๆ ลบภาพความวุ่นวายที่ต้องวิ่งไปศูนย์บริการออกจากหัวไปได้เลย
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04756-1-800x451.jpg)
การใช้งาน Galaxy Watch eSIM
จากการใช้งานพบว่าไม่ต่างจาก Galaxy Watch ธรรมดาเลยใช้งานได้เหมือนกันหมด เรามาดูกันอีกครั้งว่าสมาร์ทวอชรุ่นนี้มีปุ่ม หรือเซ็นเซอร์อะไรให้ใช้งานบ้าง ตัวเครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Silver ขนาด 46 มม. ตัวเรือนทำจากสแตนเลสสตีล หน้าจอแสดงผลยังคงใช้จอภาพแบบ Super AMOLED ขนาด 1.3 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล ใช้กระจก Gorilla Glass DX+ ที่ออกแบบมาสำหรับหน้าปัดนาฬิกาโดยเฉพาะ ช่วยป้องกันรอยขีดข่วน มีวงแหวน หรือที่เรียกว่า Rotating Bezel สำหรับเลื่อนเมนูซ้ายขวา
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04798-800x451.jpg)
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04802-800x451.jpg)
ด้านหลังมี Heart rate sensor แบบ Optical เป็นแสง LED สีเขียว สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ส่วนสายนาฬิกาใช้วัสดุเป็นซิลิโคนสีดำ สามารถถอดเปลี่ยนไปใช้สายนาฬิกาแบบอื่นๆ ได้โดยถอดสลักออกอย่างง่ายดาย ที่ด้านข้างขวามีปุ่ม Back และปุ่ม Menu ส่วนที่ด้านข้างซ้าย มีช่องลำโพง และเซ็นเซอร์วัดต่างๆ
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04805-800x451.jpg)
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04807-800x451.jpg)
การชาร์จแบตเตอรี่มีแท่นชาร์จแบบไร้สายมาให้ หากต้องการชาร์จก็เพียงแค่วางบนแท่นก็สามารถชาร์ตแบตได้ทันที แต่การชาร์จแบตใช้เวลานานพอสมควรเกือบ 2 ชั่วโมง เหมาะกับการชาร์จทิ้งไว้ก่อนนอน แต่ถ้าหากรีบเร่งอาจจะชาร์จได้ไม่ทันใจ
การใช้งาน Galaxy Watch eSIM เป็นโทรศัพท์
คิดว่าหลายคนคงอยากจะทราบว่าจะใช้งานโทรศัพท์อย่างไร เราขออธิบายง่ายๆ ว่าการทำงานของรุ่นนี้จะมี 2 โหมด คือหากสมาร์ทวอชอยู่คู่กับโทรศัพท์แล้วเชื่อมต่อบลูทูธ ตัวสมาร์ทวอชจะปิดการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพื่อประหยัดพลังงาน แต่หากหลุดการเชื่อมต่อบลูทูธ ตัวสมาร์ทวอชจะส่งเสียงเตือนก่อนแล้วจึงจะเข้าสู่โหมด Stand alone พร้อมเปิดการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อสแตนด์บายรอรับสาย ระหว่างการค้นหาเครือข่ายใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที เมื่อเชื่อมต่อได้แล้วจะมีบอกว่าเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 3G หรือ 4G LTE พร้อมบอกความแรงของสัญญาณให้ทราบด้วย
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04762-800x451.jpg)
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04830-800x451.jpg)
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04826-800x451.jpg)
เมื่ออยู่ในโหมด Standalone แล้วมีสายเรียกเข้า ทั้งสมาร์ทวอช และตัวสมาร์ทโฟนจะสั่นเตือนพร้อมกันแม้จะอยู่คนละสถานที่ก็ตาม เพราะทั้งสองเครื่องรับสัญญาณจากเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ หากกดรับที่เครื่องใดเครื่องหนึ่ง อีกเครื่องจะหยุดสั่นเตือนทันที หากกดรับที่ตัวสมาร์ทวอชก็สามารถสนทนาได้ผ่าน Speaker ซึ่งหากใช้งานเป็นโทรศัพท์จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ค่อนข้างมาก จากการทดสอบสนทนาผ่านเครือข่าย 4G LTE นาน 1 ชั่วโมงใช้แบตเตอรี่ประมาณ 20%ซึ่งหากชาร์จแบตเต็มก็น่าจะสนทนาได้ประมาณ 4-5 ชั่วโมงส่วนระยะเวลาสแตนด์บายรอรับสายได้เพียงประมาณ 1.5 วันเท่านั้น แต่หากใช้งานทั่วไปแบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธจะใช้งานได้ประมาณ 4-5 วัน
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04831-800x451.jpg)
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04834-800x451.jpg)
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04838-800x451.jpg)
ในการโทรออกก็สามารถเลือกจากรายชื่อที่ซิงค์มาจากโทรศัพท์ได้เลย หรือจะเลือกกดตัวเลขจากบนหน้าจอก็ได้เช่นกัน
อิสระในการออกกำลังกายอย่างแท้จริง
จากเดิม Galaxy Watch สามารถนำไปออกกำลังกาย Outdoor ได้โดยไม่ต้องพกพาโทรศัพท์ ซึ่งก็สามารถฟังเพลงผ่านชุดหูฟังบลูทูธ และติดตามเส้นทาง ความเร็วในการออกกำลังกายด้วย GPS ในตัว แต่รุ่นก่อนไม่สามารถโทรศัพท์ได้ มาถึงรุ่นนี้ที่มี eSIM พร้อมเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้โดยตรง ทำให้การออกกำลังกายนอกบ้านเป็นอิสระอย่างแท้จริง ไม่ต้องพกพาโทรศัพท์มือถืออีกต่อไป เมื่อมีสายเรียกเข้าก็กดรับได้จากสมาร์ทวอชได้ทันที
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04753-800x451.jpg)
นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับชุดหูฟังไร้สายผ่านบลูทูธอย่าง Galaxy Budsเพื่อฟังเพลงได้ โดยมีพื้นที่หน่วยความจำมาให้ 1.5 GB ดาวน์โหลดเพลงเก็บไว้ในสมาร์ทวอชได้สบายๆ
ในการออกกำลังกายก็มีให้เลือกมากกว่า 39 รูปแบบ อย่างเช่นการเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ ฯลฯ พร้อมทั้งสรุปผลการออกกำลังกายออกมาเป็นระยะทาง ความเร็ว, จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญ, อัตราการเต้นของหัวใจ เป็นต้น สามารถกดดูได้จากบนหน้าจอสมาร์ทวอชได้ทันที หรือหากต้องการดูให้ละเอียดกว่านั้นก็กดดูได้จากหน้าจอสมาร์ทโฟน
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/noname1-2-800x545.png)
นอกจากนี้ยังสามารถติดตามการนอนหลับได้ทั้งคืนเพื่อดูผลการนอนหลับได้ในรุ่งเช้าว่าคุณหลับลึก หลับตื้น หรือคุณภาพการนอนของคุณเป็นอย่างไรได้จากแอพฯ Samsung Health
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/noname2-2-800x545.png)
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/noname3-1-800x545.png)
![](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/noname4-800x548.png)
บทสรุป Samsung Galaxy Watch eSIM
จากการใช้งานจริงพบว่าในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะพลาดการรับสายสำคัญไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์แบตหมด รับสายขณะขับรถ ลืมวางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะทำงาน ออกไปซื้อของหน้าปากซอย โดยเฉพาะการไปออกกำลังกายนอกบ้านที่ใส่แค่ Galaxy Watch ก็ยังไม่พลาดการติดต่อ ช่วยทำให้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องพกโทรศัพท์มือถือให้เกะกะ พร้อมลุย และออกกำลังกายไปได้ทุกที่ ไม่ต้องพะวงว่าจะพลาดรับสายสำคัญ หากใครที่ชอบออกกำลังกายแบบตัวเปล่าๆ หรือลืมหยิบมือถือติดตัว ไม่ชอบพกโทรศัพท์บ่อยๆ สมาร์ทวอชรุ่นนี้ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04777-800x451.jpg)
สเป็ค Samsung Galaxy Watch eSIM
- มี eSIM ในตัว รองรับเครือข่าย 3G B1 (2100), B8 (900) และ 4G LTE B1 (2100), B3 (1800),B7 (2600), B8 (900), B20 (800)
- เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ 4.2 และ WiFi 802.11 b/g/n 2.4 GHz
- ระบุพิกัดด้วยดาวเทียม GPS/GLONASS
- ระบบปฏิบัติการ Tizen
- หน่วยประมวลผล Exynos 9110 Dual-core 1.15 GHz
- RAM 1.5 GB, ROM 4 GB
- จอแสดงผล Super AMOLED 1.3 นิ้ว ความละเอียด 360 x 360 พิกเซล
- แบตเตอรี่ 472 mAh
- มาตรฐานการกันน้ำ 5 ATM
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, HR Sensor, Light Sensor
- มีให้เลือก 2 ขนาด 46 มม.(หน้าจอ 1.3 นิ้ว) และ 42 มม.(หน้าจอ 1.2 นิ้ว)
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04783-800x451.jpg)
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04812-800x451.jpg)
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04813-800x451.jpg)
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04815-800x451.jpg)
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04816-800x451.jpg)
![Samsung Galaxy Watch eSIM](https://www.whatphone.net/wp-content/uploads/2019/08/DSC04814-800x451.jpg)