หลังจากที่ได้ชมพรีวิว Samsung Galaxy S10 และ Galaxy S10+ ไปแล้ว วันนี้ทาง Samsung Party ก็มีรีวิวแบบจัดเต็มของสองสมาร์ทโฟนเรือธงพี่น้อง กล้องระดับโปรมาฝากกันครับ
ดีไซน์ตัวเครื่อง
กล้องถ่ายภาพระดับโปร ความละเอียด 4K
กล้องหลังของซัมซุงกาแลคซี่เอส 10 ทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมกับเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide ถ่ายภาพมุมกว้างได้สนุกกว่าที่เคย โดยตัว UI ของแอปพลิเคชั่นกล้องนั้นก็มาตามสไตล์คุ้นตาของซัมซุง แต่มีการใส่ Scene Optimizer (AI ที่ช่วยปรับภาพให้เข้ากับฉากหรือวัตถุที่สังเกตได้) เข้ามาในโหมดปกติแล้ว โดยเวลาจะถ่ายภาพนั้นสามารถเลือกปรับมุมได้ถึง 3 ระดับ
- รูปต้นไม้ 1 ต้น = ซูม 2 เท่า ไม่เสียความละเอียด
- รูปต้นไม้ 2 ต้น = มุมมองภาพแบบปกติ
- รูปต้นไม้ 3 ต้น = มุมมองภาพแบบมุมกว้าง
รวมถึงสามารถเปิดโหมดแนะนำถ่ายภาพได้ด้วย (ตัวระบบจะแนะนำมุมถ่ายภาพที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งาน โดยจะเป็นเส้นสีเหลืองๆ ให้เล็งตรงรูปวงกลมสีเหลือง) นอกจากนี้ยังมีโหมดอีกมากมาย อาทิ Live Focus ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้หลากหลายแบบ (ปรับได้ทั้งก่อนถ่ายและหลังถ่าย), Super Slow-Motion, Slow-Motion, Pro, Panorama, Instagram (แชะแล้วแชร์ได้เลย) โหมดอาหาร (สีของภาพจะสดกว่าปกติ) เป็นต้น
ส่วนการถ่ายวีดีโอนั้นสามารถเลือกถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 4K 60 fps โดยมีระบบกันสั่น Super Steady (ไม่สามารถซูมได้) สุดเจ๋งเลือกเปิดปิดได้ตามใจชอบครับ
นอกจากการถ่ายภาพแบบปกติแล้ว ก็ยังมีโหมด AR Emoji ที่มีการปรับปรุงให้สมจริงมากขึ้นให้ถ่ายภาพได้สนุกมากขึ้นกับสติ้กเกอร์ AR หลากหลายแบบ หรือจะเลือกครีเอทตัวละครที่มีการอ้างอิงจากใบหน้าของผู้ใช้งานก็สามารถทำได้ (ออกแบบได้หมดทั้งเสื้อผ้า แว่นตา หน้าตา สีผม สีผิว และอีกมากมาย) ซึ่งถ้าครีเอทออกมาแล้วสามารถเลือกฉาก ทำเป็นไฟล์ Gif สร้างสติ้กเกอร์ พร้อมเอามาถ่ายภาพกับตัวเราเองได้ด้วยครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย
สำหรับภาพถ่ายที่ได้ออกมาจากซัมซุงกาแลคซี่เอส 10 และเอส 10 พลัสนั้นจะมีความแตกต่างกันน้อยมาก เพราะกล้องหลังใช้กล้องตัวเดียวกัน ซึ่งความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคงจะเป็นในเรื่องของกล้องหน้าครับที่รุ่นพลัสสามารถตัดขอบในโหมด Live Focus ได้ออกมาเนียนกว่ารุ่นธรรมดาที่มีแค่เลนส์เดียว นอกนั้นก็สามารถปรับบิ้วตี้ ปรับแสงได้เหมือนกันหมด
ภาพถ่ายแบบมุมกว้างก็ทำออกมาได้ดีงามทั้ง แบบสังเกตได้ว่าแทบจะไม่เบี้ยวเลย
ส่วนภาพถ่ายในโหมดตอนกลางคืนนั้นก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเยี่ยมแม้จะไม่ได้มีโหมดกลางคืนเหมือนแบรนด์อื่นแต่ก็ให้ภาพออกมาสว่างไม่ Over จนเกินไปครับ (ถ่ายภาพมุมกว้างตอนกลางคืนก็ยังสวย ของแบรนด์อื่นพอเจอภาพมุมกว้างตอนกลางคืนก็มืดไปเลยล่ะ)
ประสิทธิภาพตัวเครื่อง
ด้วยความเร็วแรงของชิปเซ็ต Exynos 9820 บวกกับ RAM 8 GB ทำให้การใช้งานลื่นไหลขั้นสุด จะเล่นเกมส์ก็ลื่นไหล (เครื่องแอบร้อนง่ายไปนิดนึง เมื่อใช้งานต่อเนื่องนานๆ) หรือเทส Antutu ก็ฟาดไปได้ถึง 322k คะแนนเลยทีเดียว
และในส่วนของแบตเตอรี่ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องแบบเปิดหน้าจอตลอดเวลามากกว่า 4 ชั่วโมงเต็ม (เทสความละเอียดจอที่ FHD+) ถือว่าใช้งานได้ครบหนึ่งวันเต็ม ๆ ครับ (ส่วนหน้าจอแบบ QHD+ ก็จะต้องไปปรับเองเพราะตอนเริ่มเครื่องมามันจะเป็น FHD+ มาให้ เมื่อปรับแล้วหน้าจอก็จะคมขึ้นเล็กน้อย กินแบตมากขึ้นนิดนึง แถมยังสามารถปรับความละเอียด 2K ใน youtube ได้ด้วย)
ฟีเจอร์ของ OneUI เวอร์ชั่นล่าสุด
หน้าตาของ OneUI ก็จะคล้าย Samsung Experience แบบเดิม ๆ เพิ่มเติมคือการใช้งานที่สะดวกขึ้นตัวไอค่อนใหญ่ขึ้นสบายตามากขึ้น (ถ้าใครอยากปรับให้เล็กลงก็ทำได้ครับ) ปัดขึ้นข้างบนก็จะพบกับ App Drawer แหล่งรวมแอพมากมาย ปัดลงมาก็จะมีแถบเปิดปิดฟังก์ชั่นการใช้งานทั่วไปที่มีมาให้แบบครบเครื่อง
หน้า UI ของแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์ก็สามารถอัดเสียงได้แบบง่าย ๆ เลยครับ
ยังคงมีฟีเจอร์ Dual Messenger เล่น 2 แอพแชทไลน์ 2 บัญชีได้
ถ้าไม่พูดถึงฟีเจอร์คู่บุญอย่าง Multi Windows ของทางซัมซุงก็คงจะไม่ได้ ยังคงใช้งานง่ายเช่นเคย แถมยังสามารถเปิดแอพแบบ Pop-up เป็นหน้าจอเล็ก ๆ ไม่ต้องแบ่งครึ่งได้อีกด้วยครับ (ใช้งานได้บางแอปพลิเคชั่นเท่านั้น)
เมื่อใช้งานซัมซุงกาแลคซี่รุ่นจอโค้งทั้งหลายก็ต้องมี App Edge มาใช้งานในหลายรูปแบบเลยล่ะครับ (วิธีเรียกฟีเจอร์นี้ก็แค่ปัดขอบโค้งด้านขวามือของจอออกมาก็จะเรียกใช้งานได้แล้ว)
ระบบเสียง Dolby Atmos ก็ยังคงใส่มาให้ในสมาร์ทโฟนซัมซุงอยู่ โดยสามารถเปิดใช้งานได้เลยไม่ต้องเสียบหูฟัง โดยมันสามารถจำลองเสียงได้หลากหลายแบบแล้วแต่ผู้ใช้งานจะปรับแต่งเลยครับ
ถ้าเรารำคาญตัวกล้องบนหน้าจอแสดงผล ก็สามารถซ่อนกล้องหน้าหรือถมแถบดำได้ครับ (อารมณ์เดียวกับปิดติ่งบนหน้าจอ) แต่ไม่ค่อยแนะนำเพราะด้านบนขอบดำจะเหลือเยอะมาก ทำให้ไม่บาลานซ์กับขอบล่างนั่นเอง
ระบบสแกนลายนิ้วมือสามารถตั้งได้สูงสุด 4 ลายนิ้วมือ ส่วนระบบสแกนใบหน้านั้นสามารถตั้งได้แค่เพียง 1 หน้าเท่านั้นครับ บอกเลยว่าสแกนไวมาก
Bixby 2.0 เวอร์ชั่นใหม่ก็ถูกปรับให้ฉลาดมากขึ้น (ซ้ายมือของหน้าโฮมจะเป็น Bixby Home ไว้แสดงกิจกรรม การแจ้งเตือน พยากรณ์อากาศ หรือข่าวสารต่าง ๆ) สามารถสั่งการให้ตัวเครื่องตั้งปลุกหรือแจ้งเตือนกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น (Bixby Routine) รวมถึงปุ่ม Bixby ข้างซ้ายมือของตัวเครื่องก็สามารถตั้งให้เปลี่ยนไปเรียกแอปพลิเคชั่นอื่นได้แล้วเช่นกัน และ Bixby Vision ในแอปพลิเคชั่นกล้องก็สามารถส่องดูสถานที่ ส่องค้นหารูปที่ต้องการได้ครับ
และปิดท้ายกันด้วย Samsung Application ที่ติดมากับเครื่องเพื่อการใช้งานหลากหลายรูปแบบ
- Galaxy Gift แอปพลิเคชั่นคู่ใจชาวซัมซุงที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน กับสิทธิพิเศษเหนือระดับมากมาย ทั้งกินฟรี เที่ยวฟรี ลุ้นของรางวัล ช้อปปิ้งราคาพิเศษ กับแอพนี้แอพเดียวเท่านั้น
- Game Launcher แอพที่รวบรวมเกมส์ในเครื่อง ไว้เร่งประสิทธิภาพรวมถึงสามารถแคสเกมส์ อัดวีดีโอตอนเล่นเกมส์ก็ทำได้
- Samsung Health แอพเพื่อสุขภาพของชาวซัมซุงที่สามารถติดตามการออกกำลังกาย นับก้าว การนอนหลับ และอีกมากมาย
- Samsung Theme แหล่งรวม Wallpaper ธีมน่ารัก ๆ มีให้เลือกโหลดแบบฟรีและเสียตังค์ก็มี
- Galaxy Store แหล่งรวมแอปพลิเคชั่นเด็ด ๆ ที่ซัมซุงคัดมาแล้ว
สรุปการใช้งาน
หลังจากที่ได้ลองใช้งานเจ้า Samsung Galaxy S10 และ Samsung Galaxy S10 Plus มาประมาณ 1 สัปดาห์เต็ม ก็พบว่าตัวเครื่องสวยมาก จอสวยมาก กล้องดีมากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่ก็มีจุดขัดใจอยู่บ้างนั่นก็คือเรื่องของจอโค้งที่เวลาใช้งานไปสักพักอุ้งมือก็จะไปโดนที่ขอบเครื่องทำให้ทัชรวนๆ บางนิดหน่อย แล้วก็เวลาใช้งานไปนานๆติดต่อกันหรือเล่นเกมส์กราฟฟิกหนัก ๆ ตัวเครื่องจะร้อนไวพอสมควร (S10 จะร้อนไวก็กว่า S10+) ตัว OneUI ที่ปรับปรุงใหม่ก็ใช้งานง่ายขึ้น แต่สำหรับคนที่ใช้ซัมซุงรุ่นอื่น ๆ มาก่อนอาจจะต้องปรับตัวเล็กน้อย และในส่วนของแบตเตอรี่นั้น Samsung Galaxy S10 ก็ค่อนข้างหมดไวพอสมควร แต่ของ Galaxy S10+ แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ครบวัน แถมยังมีระบบชาร์จเร็วด้วยครับ ต้องบอกเลยว่าถ้าใครอยากได้สมาร์ทโฟนที่กล้องดี ดีไซน์สวย หน้าจอสวยมาก คมชัด สว่าง ลำโพงดังดีมีมิติ ก็ต้องขอแนะนำทั้งสองรุ่นนี้ไว้ในตัวเลือกที่น่าซื้อแห่งปี 2019 เลยครับ
จุดเด่น
- หน้าจอ Dynamic AMOLED สวยมาก สว่างมาก สีดีมาก แม้ปรับความละเอียดเป็น FHD+ ก็ยังสวย คมชัด เหมาะแก่การใช้งานและดูหนังสุด ๆ
- ตัวเครื่องลื่นไหลเร็วแรงด้วยชิปเซ็ต Exynos 9820 + RAM 8 GB เล่นเกมส์ลื่นไหล
- กล้องหน้า 4K มีระบบกันสั่น ถ่ายวีดีโอ ถ่าย VLOG ก็สบายๆ คมชัดเวอร์ ไม่สั่นด้วย
- ตัวกล้องหน้าคู่ของ Galaxy S10+ สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ Live Focus ได้เนียนพอสมควร
- ส่วนกล้องหลังของทั้งสองรุ่นนั้นเป็นแบบ Triple Camera ตัวเดียวกันเป๊ะ ถ่ายภาพได้สนุกมาก กับเลนส์มุมกว้างขั้นสุด ทั้งในที่มืดและในที่มีแสงภาพก็สวยคมชัด ชนิดที่ว่าแบรนด์อื่นตายไปเลย โหมดการถ่ายภาพก็มีให้เลือกมากมายมีให้เลือกเปิดหรือปิด AI ได้ด้วย (Scene Optimizer)
- มี Instagram Mode ในแอปพลิเคชั่นกล้อง ถ่ายแล้วแชร์เลยได้ง่าย ๆ
- ลำโพงสเตอริโอที่จูนเสียงโดย AKG ก็ทำออกมาได้ประทับใจ ดังสนั่นมีมิติดี แถมยังมีระบบ Dolby Atmos สำหรับการดูหนัง ฟังเพลงแบบเซอร์ราวได้อีกด้วย (ได้ทั้งลำโพงปกติและแบบเสียงหูฟังเลยล่ะ)
- Bixby 2.0 ฉลาดขึ้น มีการตั้งเตือนให้ซับซ้อนมากขึ้นได้ (ปุ่ม Bixby ก็สามารถเปลี่ยนไปเรียกแอพอื่นได้แล้วด้วย)
- แบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S10+ อึดใช้ได้ อยู่ได้ครบวันเต็ม ๆ
- มีระบบ Wireless Power Share ใช้ชาร์จอุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi ได้ อาทิ Smartphone หรือ Smart Watch เป็นต้น
- กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
- ชาร์จไร้สายได้เร็วกว่ารุ่นก่อน (ต้องใช้แท่นชาร์จที่รองรับ)
จุดสังเกต
- หน้าจอ Infinity-O แบบโค้ง บางคนน่าจะไม่ชอบเพราะเวลาสัมผัสแบบไม่ใส่เคสแล้ว อุ้งมือชอบไปทัชโดนบ่อย ๆ
- หน้าจอตั้งค่าเริ่มต้นจะถูกเซ็ตมาเป็นความละเอียด FHD+ ให้ตั้งแต่แรก ซึ่งถ้าเราอยากใช้ความละเอียด 2K+ ก็ต้องเข้าไปตั้งค่าก่อนครับ (เอาจริงๆ ก็ไม่แตกต่างกันมาก แต่ด้วยความละเอียดจอภาพที่มากกว่าทำให้การใช้งานแบตเตอรี่จะหมดเร็วขึ้นเล็กน้อย)
- เมื่อเปิดระบบกันสั่นเวลาถ่ายวีดีโอของกล้องหลัง (Super Steady) เราจะไม่สามารถซูมได้ ต้องเดินไปเดินมาเอง
- ระบบสแกนลายนิ้วมือ Ultrasonic ไม่ได้รวดเร็วและแม่นยำมากนัก อันนี้ก็ต้องรออัพเดตกันต่อไป หรือตอนที่ติดตั้งลายนิ้วมือควรเกลี่ยนิ้วให้ทั่วก่อนครับ
- ตัวเครื่องร้อนพอสมควร เวลาใช้งานต่อเนื่องยาวนาน
- Galaxy S10 แบตเตอรี่อาจจะหมดไวไปนิดนึง ด้วยขนาดหน้าจอที่เล็กกว่า (แบตก็น้อยกว่าด้วย) แต่มีความละเอียดสูงนั่นเอง
- ระบบชาร์จเร็วยังเป็นระบบเดิมอยู่ (15W) ก็ไม่ได้เร็วขึ้นมากนัก
สเปก Samsung Galaxy S10
- หน้าจอ Infinity O แบบ Dynamic AMOLED HDR+ จอโค้ง ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด QHD+ ครอบทับด้วยกระจกจอ Gorilla glass 6 (ด้านหลังเป็น Gorilla Glass 5)
- รองรับ HDR 10+ ดูหนังความละเอียดสูงก็ให้ภาพที่คมชัดสวยงาม ครบเครื่อง เต็มอรรถรส
- CPU : Exynos 9820 (8 nm)
- RAM : 8 GB
- ROM : 128 GB
- กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 10 MP (F/1.9) รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ 4K Selfie Mode พร้อมเทคโนโลยี Dual Pixel
- กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 12 MP (F/1.5, OIS, มุมกว้าง 77 องศา) + 16 MP (F/2.2, เลนส์ Ultra Wide มุมกว้าง 123 องศา) + 12 MP (F/2.4, OIS, เลนส์ Telephotoใช้ซูม, มุมกว้าง 45 องศา)
- มีฟีเจอร์ Bright Night รวมภาพ 7 ภาพ (2-3 วินาที) ในการถ่ายภาพในที่มืด รวมกันเป็นภาพเดียวสว่างมากขึ้น
- มีฟีเจอร์ Shot Suggestion โหมดแนะนำการถ่ายภาพที่ดีที่สุด มันจะมี AR ลอยออกมาจากกล้องให้ลองถ่ายตามได้
- โหมด Scene Optimizer เพิ่มเป็น 30 แบบฉลาดขึ้น
- AR Emoji ถูกปรับปรุงให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น มีลูกเล่นเพิ่มเติม
- รองรับการถ่ายวีดีโอ Super Slow-motion ได้ดีกว่ารุ่นเดิม
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแสดงผลแบบ Ultrasonic (3D) รวดเร็ว ปลอดภัยกว่ารุ่นอื่นในตลาด
มีฟีเจอร์ Power Share ตัวเครื่องให้เป็นแบตเตอรี่สำรองมาตรฐาน Qi ชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่นได้ ทั้งหูฟังไร้สาย นาฬิกาสมาร์ทวอชท์หรือสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ
รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android Pie 9.0 ครอบทับด้วย OneUI เวอร์ชั่นล่าสุด
กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอ Tuned by AKG
แบตเตอรี่ขนาด 3,400 mAh รองรับระบบชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย
มี 3 สีสันให้เลือก ได้แก่ Prism Black, Prism White และ Prism Green - ราคา 31,900 บาท
สเปก Samsung Galaxy S10+
- หน้าจอ Infinity O แบบ Dynamic AMOLED HDR+ จอโค้ง ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด QHD+ ครอบทับด้วยกระจกจอ Gorilla glass 6 (ด้านหลังเป็น Gorilla Glass 5)
- รองรับ HDR 10+ ดูหนังความละเอียดสูงก็ให้ภาพที่คมชัดสวยงาม ครบเครื่อง เต็มอรรถรส
- CPU : Exynos 9820 (8 nm)
- มีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ติดตั้งไว้ในตัว
- RAM : 8 / 12 GB
- ROM : 128 / 512 GB / 1 TB
- กล้องหน้าเซลฟี่แบบคู่ความละเอียด 10 MP (F/1.9) + 8 MP (F/2.2 ที่ช่วยในการปรับหน้าชัดหลังเบลอวัดระยะชัดลึก) รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ 4K Selfie Mode พร้อมเทคโนโลยี Dual Pixel
- กล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 12 MP (F/1.5, OIS, มุมกว้าง 77 องศา) + 16 MP (F/2.2, เลนส์ Ultra Wide มุมกว้าง 123 องศา) + 12 MP (F/2.4, OIS, เลนส์ Telephotoใช้ซูม, มุมกว้าง 45 องศา)
- มีฟีเจอร์ Bright Night รวมภาพ 7 ภาพ (2-3 วินาที) ในการถ่ายภาพในที่มืด รวมกันเป็นภาพเดียวสว่างมากขึ้น
- มีฟีเจอร์ Shot Suggestion โหมดแนะนำการถ่ายภาพที่ดีที่สุด มันจะมี AR ลอยออกมาจากกล้องให้ลองถ่ายตามได้
- โหมด Scene Optimizer เพิ่มเป็น 30 แบบฉลาดขึ้น
- AR Emoji ถูกปรับปรุงให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น มีลูกเล่นเพิ่มเติม
- รองรับการถ่ายวีดีโอ Super Slow-motion ได้ดีกว่ารุ่นเดิม
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแสดงผลแบบ Ultrasonic (3D) รวดเร็ว ปลอดภัยกว่ารุ่นอื่นในตลาด
- แบตเตอรี่ขนาด 4,100 mAh รองรับระบบชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย
- มีฟีเจอร์ Power Share ตัวเครื่องให้เป็นแบตเตอรี่สำรองมาตรฐาน Qi ชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่นได้ ทั้งหูฟังไร้สาย นาฬิกาสมาร์ทวอชท์หรือสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ
- รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android Pie 9.0 ครอบทับด้วย OneUI เวอร์ชั่นล่าสุด
- กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
- รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอ Tuned by AKG
- มี 4 สีสันหลักให้เลือก ได้แก่ Prism Black, Prism White, Prism Blue และ Prism Green
- และมี 2 สีพิเศษที่ด้านหลังทำจากเซรามิก อย่าง Ceramic White และ Ceramic Black (เฉพาะความจุ 512 GB และ 1 TB เท่านั้น)
- ราคา
- 35,900 บาท ( RAM 8 GB + ROM 128 GB)
- 44,900 บาท ( RAM 8 GB + ROM 512 GB)
- 55,900 บาท ( RAM 12 GB + ROM 1 TB)
ก็จบไปแล้ว สำหรับรีวิวของ Samsung Galaxy S10 และ Samsung Galaxy S10+ ที่ทางเว็บไซต์เรานำมาฝากกันครับ ถ้าเพื่อนๆสงสัยตรงไหนก็คอมเม้นมาถามได้เลย แล้วก็อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ บทความนี้ด้วยนะครับ ^O^