รีวิว Samsung Galaxy Note 10+ สมาร์ทโฟนที่เหมาะกับทุกคน

หลังจากที่ได้ทดลองใช้งานมาสักพัก ก็ถึงแแก่เวลาที่จะมารีวิวแล้ว โดย Samsung Galaxy Note 10+ มีอะไรให้พูดถึงเยอะมาก ว่าแล้วก็ไปติดตามรีวิวกันเลย

สเปค Samsung Galaxy Note10+

  • ขนาดตัวเครื่อง 162.3 x 77.2 x 7.9 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 196 กรัม (5G 198 กรัม)
  • หน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด QHD+ รองรับ HDR10+ สแกนนิ้วใต้หน้าจอ Ultrasonic
  • กล้องหน้าความละเอียด 10MP รูรับแสง f/2.2 โหมด Night Shot
  • กล้องหลัง Quad lens
    • เลนส์มุมกว้าง Ultrawide 123 องศา ความละเอียด 16MP รูรับแสง f/2.2
    • เลนส์หลัก มุมกว้าง ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/1.5 & 2.4
    • เลนส์เทเลโฟโต้ ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.1
    • เลนส์ชัดลึก DoF
  • ชิปประมวลผล Exynos 9825
    • RAM 12GB
    • ROM 256GB/512GB UFS 3.0
    • รองรับ microSD Card สูงสุด 1TB
  • ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย One UI
  • ระบบเสียง Dolby Atmos ลำโพงสเตอริโอ AKG
  • ไมโครโฟน 3 ตัว (บน, ล่าง และด้านหลัง)
  • แบตเตอรี่ 4,300mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W (อะแดปเตอร์ 45W แยกจำหน่าย) ชาร์จไร้สาย 20W PowerShare 15W
  • ถาดซิมการ์ดแบบ Hybrid slot
  • การเชื่อมต่อ WiFi 6, Bluetooth 5.0, NFC
  • มาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่น IP68
  • ขายในไทย 3 สี ได้แก่ สีรุ้ง Aura Glow, สีขาว Aura White, สีดำ Aura Black

หน้าจอใหญ่ คมชัด เต็มตาทุกการใช้งาน

รีวิว Samsung Galaxy Note 10+

Galaxy Note10+ มาพร้อมกับหน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ แบบ Infinity-O ฝังกล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล โดยมีการย้ายตำแหน่งกล้องหน้ามาอยู่ตรงกลางเพื่อให้บดบังการใช้งานให้น้อยลงมากที่สุด และในการเซลฟี่ จากเดิมกล้องอยู่ด้านข้าง และเวลาที่ทุกคนเซลฟี่ก็จะเผลอมองหน้าจอทำให้ภาพที่ออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก และเมื่อย้ายกล้องหน้าเข้ามาอยู่ตรงกลางของหน้าจอ สายตาที่มองก็จะมองไปที่ตรงกลางแล้ว

Advertisements

นอกจากนี้ยังรองรับ HDR10+ ให้การรับชมความบันเทิงได้คมชัด สวยงาม และทาง DisplayMate ได้ให้คะแนนหน้าจอไว้ที่ A+ แสดงสีสมจริง หน้าจอลดแสงสีฟ้าได้มากถึง 41% และเมื่อเปิดโหมดลดแสงสีฟ้าจะช่วยลดได้มากถึง 90% ด้วยกัน ถือเป็นหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตอนนี้ ใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ Ultrasonic แต่มีการขยับเซ็นเซอร์ขึ้นมาเพื่อการสแกนลายนิ้วมือที่ง่ายขึ้น ไม่ติดขอบล่างของหน้าจอมากเกินไป ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6

ตัวเครื่องบาง ดีไซน์พรีเมี่ยม

Samsung Galaxy Note 10+

สำหรับสีใหม่ของทาง Galaxy Note10 Series นี้ก็คือ Aura Glow เป็นการรวมสีต่างๆ มาไว้ด้วยกัน โดยจะแสดงผลแตกต่างกันตามที่แสงมาตกกระทบให้ความสวยงามแบบไม่ซ้ำใคร เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ด้านหลังตัวเครื่องดีไซน์โค้งเพื่อรับเข้ากับอุ้งมือทำให้หยิบจับได้ถนัดมากขึ้น ขอบตัวเครื่องอะลูมิเนียมและครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 เสริมความแข็งแรง ทนทานมากขึ้น และยังทำให้ดีไซน์ของตัวเครื่องมีความพรีเมี่ยมมากขึ้นด้วย

ยังมีการย้ายปุ่ม Power มาใช้ร่วมกับปุ่ม Bixby ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ทำให้ตัวเครื่องมีปุ่มน้อยมาก เหลือแค่ 2 ปุ่ม ปุ่มปรับระดับเสียงสนทนาและและปุ่ม Power นี้เท่านั้น หากใครที่คิดถึงปุ่ม Bixby ก็สามารถตั้งการใช้งานเพิ่มเติมได้

แต่น่าเสียดายที่มีการตัดช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรออกไป แต่ก็ได้แบตเตอรี่เพิ่ม 100mAh และ Haptic feedback การสั่นที่ดีขึ้นมาแทน แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป ในกล่องก็มีแถมหูฟัง AKG พอร์ต USB-C มาให้ใช้งานกันอยู่

ปากกา S PEN และการทำงานที่สมบูรณ์ขึ้น

กาแลคซี่โน้ต ย่อมคู่กับปากกา S Pen มาในรุ่นนี้ก็ได้มีการปรับปรุงให้มีความสามารถมากขึ้น พร้อมกับฟีเจอร์การจด การเขียนต่างๆ ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนทำงานได้ทุกที่ทุกเวลามากขึ้นด้วย เริ่มตั้งแต่ยังไม่ปลดล็อคหน้าจอ Screen off memo ก็มีการเพิ่มสีให้เลือกใช้ถึง 5 สี โดยที่ไม่จำเป็นต้องเลือกสีของตัวเครื่องเหมือนตอน Galaxy Note 9 แล้ว สามารถครีเอทสร้างสรรค์ได้ตั้งแต่ยังไม่ปลดล็อคหน้าจอ

ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่คิดว่าเหมาะกับคนที่ชอบการจดใน Samsung Notes มาที่สุด โดยจะเป็นการแปลงตัวเขียนมาเป็นตัวอักษร ซึ่งสามารถก๊อปปี้ส่งต่อ หรือจะแปลงแล้ว export ออกมาเป็นไฟล์ MS Word หรือ PDF ก็ได้ จากที่เมื่อก่อนจะต้องมานั่งพิมพ์ใหม่ตามหลัง ใน Note10+ ก็แค่แปลง ความแม่นยำของการแปลงตัวเขียนมาเป็นตัวอักษรนั้น ยกให้มีความแม่นยำที่สูงมาก เพราะมีการผิดแค่ไม่กี่ตัวอักษรเท่านั้น และตัวที่ผิด ก็จะเป็นการเขียนที่ไม่ชัดเจน หากต้องการให้แปลงตัวอักษรง่ายขึ้น สระ วรรณยุกต์ และตัวอักษร จะต้องไม่ชิดติดกัน  ตรงนี้ถือว่าตอบโจทย์ในการทำงานจริงๆ บางทีเราจดรับบรีฟงานไว้ ก็สามารถแปลงแล้วนำมาปรับปรุงนิดหน่อยแล้วส่งต่อได้ทันที ไม่ต้องมานั่งพิมพ์ใหม่ทั้งหมด

นอกจากนี้ยังสามารถใช้งาน S Pen ควบคุมการทำงานกล้องได้มากขึ้นกว่าการเป็นรีโมทชัตเตอร์ โดยทางซัมซุงได้ใส่เซ็นเซอร์ gyroscope เข้ามาเพื่อให้เราออกแอคชั่นต่างๆ ในการควบคุมการทำงานของโหมดกล้อง ซึ่งเรียกว่า Air actions 

  • กดปุ่ม 1 ครั้ง เป็นชัตเตอร์กล้อง
  • กดปุ่ม 2 ครั้ง สลับกล้องหน้า-หลัง
  • กดปุ่มแล้วตวัดขึ้นหรือตวัดลง สลับกล้องหน้า-หลัง
  • กดปุ่มแล้วปัดไปทางซ้ายหรือขวา เปลี่ยนโหมดกล้อง
  • กดปุ่มแล้วหมุนปากกาให้เป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา ซูมเข้า (หากกดปุ่มค้างไว้ต่อ จะเป็นการซูมเข้าเรื่อยๆ สูงสุด 10x) 
  • กดปุ่มแล้วหมุนปากกาให้เป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา ซูมออก (หากกดปุ่มค้างไว้ต่อ จะเป็นการซูมออกเรื่อยๆ จนถึงระดับ 1)

AR Doodle ที่เพิ่มเข้ามาให้ให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ปากกา S Pen คู่กับเทคโนโลยี AR สร้างสรรค์คลิปวิดีโอใหม่ๆ หรือ เล่นสนุกกับเพื่อนๆ ได้อีก เป็นฟีเจอร์ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไร แต่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย

กล้องหลัง 4 เลนส์

สำหรับกล้องหลังของ Note10+ นั้น จะมีมาถึง 4 เลนส์ ประกอบด้วย

  • เลนส์หลัก มุมกว้าง ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/1.5 – 2.4
  • เลนส์มุมกว้าง Ultrawide 123 องศา ความละเอียด 16MP รูรับแสง f/2.2
  • เลนส์เทเลโฟโต้ ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.1
  • เลนส์ DepthVision

โดยการเพิ่มเลนส์ DepthVision เข้ามาจะช่วยทำให้การถ่ายภาพนั้นมีมิติชัดลึกที่ดีขึ้น รวมถึงการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอก็ดีขึ้น แน่นอนว่าโหมด Live focus ที่มีมาหลายรุ่นแล้วก็ถ่ายได้ดีและมีมิติมากขึ้นทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ และด้วยเลนส์นี้ยังสามารถใช้แอพ 3D Scanner สแกนวัตถุหรือคนเพื่อขึ้นรูปเป็น 3D 

ในการถ่ายรูป ตัวกล้องยังมีฟีเจอร์ Shot suggestion เป็นการแนะนำการถ่ายรูปซึ่งจะช่วยให้องค์ประกอบของภาพดีขึ้น โดย AI Machine Learning เรียนรู้ภาพถ่ายมากกว่า 100,000,000 ภาพมาคอยแนะนำ ตรงนี้เหมาะมากสำหรับมือใหม่หัดถ่ายรูปซึ่งได้คอยเรียนรู้การจัดวางองค์ประกอบของภาพได้ และฟีเจอร์นี้ไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้ หรือเลือกปิดการใช้งานก็ได้เช่นกัน

การใช้งาน โหมดออโต้ ถ่ายออกมาสวยเลย โฟกัสเร็ว ด้วยเลนส์หลักที่มีรูรับแสงกว้าง ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ดี และการที่มีเลนส์ไวด์มุมกว้างทำให้คนที่ชอบถ่ายรูปวิวต่างๆ จะมีมุมมองเพิ่มขึ้นมาอีก 1 มุมมอง และสมัยนี้ถ้าไม่มีเลนส์ไวด์ก็ไม่ค่อยน่าสนใจแล้วด้วยเนอะ ส่วนการเบลอของ Live focus อาจจะเบลอพลาดบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับแบบ แสง ขอบการเบลอ ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีหลายเอฟเฟ็กส์ให้เล่นอีกต่างหาก

ในส่วนของการบันทึกวิดีโอก็รองรับการบันทึกที่ระดับ 4K 60fps แต่ถ้าเปิดโหมด Super s teady โหมดกันสั่นจะได้ที่ระดับ Full HD เท่านั้น ซึ่งใครที่ชอบถ่ายวิดีโอออกแนวแอคชันลุยๆ โหมดนี้ถือว่าช่วยได้เยอะเลย ทำให้วิดีโอที่เราถ่ายมาไม่สั่นมาก

กล้องหน้าเซลฟี่ สวยใส หน้าชัดหลังเบลอ

กล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มีโหมด live focus ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอทั้งภาพนิ่งและวิดีโอมาให้ใช้งาน สามารถบันทึกวิดีโอสูงสุดได้ที่ 4K และด้วยกล้องหน้ามุมกว้างทำให้สามารถเซลฟี่กับกลุ่มเพื่อนได้โดยที่ไม่ตกขอบ ซึ่งสามารถเลือกมุมมองได้ตอนเปิดกล้องหน้า

โหมด live focus
โหมด live focus
โหมด live focus

พลังระดับท็อป ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

ชิปประมวลผล Exynos 9825 สถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร พร้อมกับ RAM 12GB ช่วยกันประมวลผลการทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ที่ครอบทับด้วย One UI ที่มีหน้าตาสวยงาม ใช้งานง่าย ดูสะอาด ไม่รก และยังมาพร้อมกับผู้ช่วย Bixby ที่สามารถจัดชุดคำสั่งไว้ในการสั่งครั้งเดียวได้ และด้วยขุมพลังระดับนี้ทำให้การเล่นเกมไม่มีปัญหา สามารถเล่นเกมกราฟิกสวยๆ ได้สบายๆ อีกทั้งยังมีเกม Launcher ที่มาช่วยปรับประสิทธิภาพและปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ในขณะเล่นเกมได้

แบตเตอรี่ 4,300mAh รองรับการชาร์จเร็วถึง 45W แต่ต้องซื้ออะแดปเตอร์แยก ส่วนในกล่องนั้นให้อะแดปเตอร์ 25W มาให้ใช่้งาน ซึ่งการใช้งานก็สามารถอยู่ได้เต็มวัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน นอกจากนี้ยังใช้งาน Wireless PowerShare ชาร์จไร้สายให้กับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับได้

SAMSUNG DEX ใช้งานบนหน้าจอใหญ่

ด้วย Samsung Dex ที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอีกแล้ว เพียงแค่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนกับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย USB-C ทำให้การโอนถ่ายไฟล์ที่ง่ายขึ้น เปรียบเสมือนใช้งานสมาร์ทโฟนบนคอมพิวเตอร์ไปด้วย ทำให้เราสามารถแก้ไขไฟล์งานเอกสารที่อยู่ในสมาร์ทโฟนบนหน้าจอใหญ่ และเมื่อต้องออกไปข้างนอก ก็สามารถนำไปแก้ไขต่อหรือนำไปใช้งานได้ทันที  อีกทั้งยังถูกใจคนใช้ Mac อีกด้วย เพราะรองรับการใช้งานบน MacOS แล้ว จากเดิมต้องเชื่อมต่อผ่าน Android File Transfer

สรุป

เป็นสมาร์ทโฟนที่ปรับปรุงเพื่อไลฟ์สไตล์คนทำงานและไลฟ์สไตล์ความบันเทิงได้อย่างลงตัว ทำให้สามารถใช้ปากกาจดแล้วนำไปใช้งานต่อไปรวดเร็วขึ้น ไม่ต้องมาพิมพ์สรุปใหม่ภายหลัง หน้าจอใหญ่ คมชัด ดูหนัง ดูซีรีส์ได้เต็มตา ตัวกล้องก็ทำได้ดีขึ้นทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว อีกทั้งยังตัดต่อวิดีโอในเครื่องได้ดีขึ้น รวมถึงลูกเล่นที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอก็ทำได้มากขึ้นเช่นกัน

“Samsung Galaxy Note 10+ สมาร์ทโฟนที่เหมาะกับทุกคน”

ใครที่ใช้รุ่นก่อนหน้าอย่าง Note FE, Note8 แล้วลังเลว่าควรเปลี่ยนหรือไม่ หากงบประมาณพร้อมก็ไม่ต้องรออะไรแล้ว เพราะมีลูกเล่นมากกว่าเดิมมาก

จุดเด่น

  • หน้าจอ Dynamic AMLOED ขนาด 6.8 นิ้ว แบบ Infinity-O ความละเอียด QHD+
  • ตัวเครื่องบางลงจากรุ่นที่แล้วเหลือ 7.9 มิลลิเมตร
  • กล้องหลัง 4 เลนส์ มาพร้อมระบบ AI ถ่ายได้ครบทุกมุมมอง พร้อมลูกเล่นเด็ดๆ อย่าง AR Doodle
  • กล้องหน้าเซลฟี่ มี Night Mode และลูกเล่นมากมาย
  • ปากกา S Pen กับ Samsung Notes ทำงานได้มากกว่าเดิม
  • เพิ่มความพื้นที่จัดเก็บข้อมูลด้วย microSD Card สูงสุด 1TB
  • เพิ่มความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือและการปลดล็อคด้วยใบหน้า

จุดสังเกต

  • ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่าย
  • ไม่มีช่องต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

Leave a Reply