หลังจาก Galaxy Note ตัวแรกได้เปิดตัวออกไปก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยการทำงานได้ยอดเยี่ยมของ S Pen ทำให้ซัมซุง ได้ออกรุ่นขนาดหน้าจอ 10.1 ตามออกมาค่ะ แต่รุ่นนี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปในงาน MWC 2012 ที่บาเซโลน่า และเพิ่งได้วางจำหน่ายในช่วงเดือนสิงหาคมนี่เอง ด้วยราคาที่เปิดตัวในบ้านเรา 21,900 บาท ถ้าใครอยากลองเล่น ลองสัมผัสก่อนตัดสินใจซื้อ เชิญไปที่งาน Thailand Mobile Expo 2012 Showcase ค่ะ จะเริ่มในวันที่ 4 ตุลาคมนี้แล้ว และตัวเครื่อง Samsung Galaxy Note 10.1 นี้รองรับ 3G ของทุกค่ายโดยไม่แยกขายค่ะ วันนี้เรามาเน้นที่ซอฟท์แวร์ข้างในกันดีกว่า ขอข้ามเรื่องฮาร์ดแวร์อะไรไปพูดถึงเล็กน้อยดีกว่า
ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Android 4.0.4 ICS เลยค่ะ ส่วนถ้าถามว่าจะอัพ 4.1 Jelly Bean ได้เมื่อไหร่ อันนี้ไม่สามารถตอบได้จริงๆ แต่คงยังไม่ใช่ช่วงนี้ ในเรื่องของวัสดุก็ทำมาจากพลาสติกค่ะ เครื่องเลยมีน้ำหนักเบา มีปากกา S Pen อยู่ที่มุมขวาล่างของเครื่อง ซึ่งในด้านนี้มีแต่ช่องเสียบสายชาร์จเท่านั้น ส่วนพวกปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ปรับเสียงหรือที่ใส่ซิม ใสเมม ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. รวมถึงพอร์ท Infrared จะไปอยู่ฝั่งเดียวกันหมดอีกด้านนึงค่ะ หลายคนสงสัยว่า Infrared มีไปทำอะไร ยังมีคนใช้อยู่อีกหรอ เดี๋ยวมาเฉลยค่ะว่าช่องอินฟราเรดนี้ให้มาทำไม
ปากกา S Pen รุ่นนี้รับรู้แรงกดได้ละเอียดถึง 1024 ระดับ และดีกว่า Galaxy Note ตัวแรกถึง 4 เท่า ตัวปากกานั้นยังคงทำด้วยพลาสติกเช่นเดิม และมีปุ่มอยู่หนึ่งปุ่มสำหรับจับภาพหน้าจอโดยใช้ปากกา โดยมีการตั้งค่าสำหรับปากกา S Pen มาให้โดยเฉพาะ เวลาเราดึงปากกาออกมาจากที่เก็บ จะมีเมนูที่ใช้งานกับ S Pen ขึ้นมาให้เลือกใช้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะเลือกใช้แอพใดแอพหนึ่ง หรือปิดไปก็ได้ค่ะถ้ารำคาญ
วิธีปิดก็เข้าไปที่ Setting > เลือกลงมาที่ส่วนของ System ตรง Pen เลือกตามภาพได้เลย ถ้าปิดก็เลือก None ไปค่ะ
ในส่วนของปากกา ก็ยังมีอีกความสามารถคือ เราสามารถกดปุ่มที่ปากกาพร้อมจิ้มลงไปที่หน้าจอเพื่อเป็นการ Capture หน้าจอพร้อมแก้ไขภาพได้ทันทีค่ะ หลังจากแก้ไขแล้วก็อย่าลืมกด Save นะคะ
อีกวิธีสำหรับการจับภาพหน้าจอ ก็คือกดปุ่มตามภาพค่ะ ก็จะไปจัดเก็บไว้ที่หน่อยความจำเครื่องของเราในโฟลเดอร์ Screenshot ทันที ไม่ต้องกด Save
ส่วนปุ่มอื่นๆ จากซ้ายก็คือปุ่ม Back, Home, Task Manager (ไว้จัดการปิดแอพที่เปิดค้างไว้ค่ะ)
ส่วนแถบสีดำด้านล่าง เมื่อคลิกขึ้นมาจะเป็นเมนู Mini App สามารถเรียกขึ้นมาใช้งานได้พร้อมกันทั้งหมดนี้โดยไม่มีอาการหน่วงเลยค่ะ
หน้า App Drawer
Notification ที่มี Widget สำหรับเป็นทางลัดในการเปิดปิดฟังก์ชั่นต่างๆ ไว้ให้ด้วย สะดวกดีเหมือนกัน
รุ่นนี้ใส่ซิม และโทรได้ค่ะ โดยถ้าไม่ใส่หูฟัง เสียงก็จะออกลำโพง
PS Touch เป็นโปรแกรม Photoshop
S Note อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้สามารถทำงานแบบ Multitasking ได้ ในฟังก์ชั่น S Note เลยสามารถใช้งานแบบ Multiscreen ได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกหรือออกแบบได้อิสระจริงๆ สามารถหาข้อมูลจากหน้า Internet แล้วนำมาตัดแปะได้อย่างดีทีเดียว
การใช้งานคีย์บอร์ด ก็เก๋ดีค่ะ เลือกให้มันไม่บังหน้าจอเราได้ด้วย แค่ใช้ pinch zoom แล้วเลือกเลยค่ะว่าอยากใช้งานหรือถนัดแบบไหน
ส่วนอีกฟังก์ชั่นที่เกริ่นมาตั้งแต่ต้นว่าเครื่องนี้มีพอร์ต Infrared ที่มีมาก็เพราะรุ่นนี้สามารถใช้เป็นรีโมทคอนโทรล ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้ค่ะ อย่างเช่นเปลี่ยนช่องทีวีค่ะ ถ้ามีโอกาสได้ลองอย่างละเอียด จะมารีวิวให้ดูอีกที