เปิดตัวแล้ว!! Galaxy A8 2018 และ A8+2018 พร้อมจอ Infinity Display กล้องคู่ด้านหน้า และโหมด Live Focus

ซัมซุงได้เปิดตัว Galaxy A series  ใหม่ล่าสุดที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะเป็นรุ่น Galaxy A5 และ Galaxy A7 (2018) แต่ก็ใช้ชื่อในการเปิดตัวเป็น Galaxy A8 2018 และ Galaxy A8+ 2018 อย่างเป็นทางการ ตามที่คาดไว้ โดยมีหน้าจอแบบ Infinity Display ขนาดใหญ่กล้องด้านหน้าแบบคู่ และโหมด Live Focus

Galaxy A8 2018 และ Galaxy A8+ 2018

Galaxy A8 2018

ในที่สุดจอแสดงผลแบบอินฟินิตี้ดิสเพย์ของซัมซุงก็ถูกจับไปใส่ไว้ในสมาร์ทโฟนระดับกลางหลังจากที่ถูกผูกขาดกับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง และนอกจากจะเป็นระดับกลางรุ่นแรกที่ได้ใช้จออินฟินิตี้ดิสเพลย์แล้วก็ยังเป็นรุ่นแรกของซัมซุงที่มาพร้อมกล้องด้านหน้าแบบคู่ที่มีฟีเจอร์ Live Focus อีกด้วย ตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลังใช้วัสดุเป็นกระจกโค้งให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมมากขึ้น ปุ่มโฮมที่ด้านหน้าถูกย้ายตำแหน่งไปอยู่ด้านหลังตัวเครื่องเนื่องงจากจอเป็นอินฟินิตี้ดิสเพลย์

Advertisements

ในส่วนของขนาดตัวเครื่อง A8 จะอยู่ที่ 149.2 x 70.6 x 8.4 มม. หนัก 172 กรัม จอแสดงผลเป็น ขนาด 5.6 นิ้ว และ A8+ มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 159.9 x 75.7 x 8.3 มม. หนัก 191 กรัม  ขนาด 6 นิ้ว ใช้จอแสดงผลแบบ Full HD + Super AMOLED ทั้งสองรุ่นและยังเป็น Infinity Display มีอัตราส่วน 18.5: 9อีกด้วย มาพร้อมความละเอียด 1080 × 2220 พิกเซล และเป็นรุ่นแรกในซีรี่ย์ A ที่รองรับชุดหูฟังเกียร์วีอาร์

และมีกล้องด้านหน้าหลัก 16 ล้านพิกเซลพร้อมรูรับแสง f / 1.9 คู่กับกล้องขนาด 8 ล้านพิกเซลพร้อมรูรับแสง f /1.9  ที่ซึ่งสามารถถ่ายภาพ โบเก้หน้าชัดหลังละลายได้ ส่วนกล้องหลังมาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f / 1.7 พร้อมด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบวิดีโอ (vDis) และโหมด Hyperlapse  สำหรับวิดีโอ time-lapse

ในส่วนของสเปคจะมาพร้อมแรม 4GB พร้อมหน่วยความจำ 32GB / 64GB  มาพร้อมแบตเตอรี่ 3,000 mAh  มีแรม 6GB พร้อมหน่วยความจำ 32GB / 64GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3,500 mAh (สำหรับรุ่นแรม 6GB อาจจะมีเฉพาะแค่ในจีนและอีกสองสามตลาดในเอเชีย) มีช่องเสียบการ์ด microSD สำหรับเพิ่มหน่วยความจำภายนอก มีคุณสมบัติป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68 เหมือนกับโทรศัพท์รุ่นก่อนหน้า สำหรับการเชื่อมต่อมีพอร์ต USB Type-C และรองรับการชาร์จเร็ว รับบนระบบปฎิบัติการ Android 7.1.1 Nougat และคาดว่าจะได้รับการอัปเดตเป็น Oreo ด้วย มี NFC และ MST สำหรับการสนับสนุน Samsung Pay และตัวเลือกการเชื่อมต่ออื่น ๆ เช่น Wi-Fi ac และ Bluetooth 5.0

ในส่วนของสีทั้งสองรุ่นจะมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ black, orchid grey, gold และ blue คาดจะวางจำหน่ายในช่วงต้นเดือนมกราคมปี 2018 โดยมีราคาแตกต่างกันออกไปตามตลาด

ที่มา SAMmobile

Leave a Reply